โลกออนไลน์บ่น เปลี่ยนบัตร ATM แถบแม่เหล็กเป็นบัตรชิปการ์ด ไม่ฟรีแถมเสียค่าธรรมเนียมแพงขึ้น



ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2563 เป็นต้นไป ใครที่ยังถือบัตรเอทีเอ็ม หรือ บัตรเดบิต ที่เป็นบัตรแถบแม่เหล็กแบบเก่า หรือ สังเกตง่ายๆ เมื่อนำไปใช้งาน ยังกดรหัสผ่านเป็นเลข 4 ตัว ต้องรีบไปที่ธนาคารเจ้าของบัตร เพื่อเปลี่ยนเป็นบัตรแบบชิปการ์ด และจะใช้รหัสผ่าน 6 ตัว เพื่อให้ใช้งานได้ต่อเนื่อง มิเช่นนั้นจะไม่สามารถใช้ได้แล้ว ทั้งกดเงิน หรือรูดที่เครื่อง

โดยประชาชนสามารถไปเปลี่ยนได้ที่ธนาคารเจ้าของบัตรได้ฟรี เป็นแบบบัตรชิปการ์ด เพื่อป้องกัน เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน

อย่างไรก็ตามในโลกออนไลน์ มีชาวเน็ตหลายคนให้ข้อมูลว่า แม้หลายธนาคารระบุว่าให้เปลี่ยนบัตรฟรี แต่เมื่อไปถึงพนักงานกลับแจ้งว่าบัตรแบบฟรีหมดแล้ว เหลือแต่บัตรที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และต้องเสียค่าธรรมเนียมรายปีที่แพงขึ้น ขณะที่บางคนแจ้งว่าเปลี่ยนบัตรแล้ว แต่ตู้เอทีเอ็มไม่รองรับ ทำให้กดเงินไม่ได้ ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจนต่อปัญหาดังกล่าวต่อไป

รายละเอียดเพิ่มเติม

————————-
เรื่องเล่าเช้านี้ (Morning News)3 มกราคม 2563
ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารได้ก่อนใครได้ที่นี่
เรื่องเล่าเช้านี้.com :
facebook :
Twitter :
Official LINE : @ruenglao

'ชิมช้อปใช้' เฟส 4 สะดุด คลังพบเฟส 3 มีคนใช้กลโกงกระเป๋า 2 หวังเอาแคชแบ็ก



มาตรการ ‘ชิมช้อปใช้’ เฟส 4 สะดุด แหล่งข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ชิมช้อปใช้ เฟส 3 มีคนโกงกระเป๋า 2 เติมเงินสดใช้จ่ายและได้แคชแบ็ก เพียบ

โดยพบว่ามีคนใช้กระเป๋า 2 ซื้อกาแฟวันละ 50,000 บาท คาดร้านค้ากดซื้อเองเพื่อเอาแคชแบ็ก ซึ่งกระทรวงการคลังอาจต้องมีการขอดูใบเสร็จ เพื่อให้ชัดเจนว่าไม่ได้มีการโกง

อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ :
————————-
เรื่องเล่าเช้านี้ (Morning News) 19 มกราคม 2563 ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารได้ก่อนใครได้ที่นี่
เรื่องเล่าเช้านี้.com :
facebook :
Twitter :
Official LINE : @ruenglao

'สรยุทธ' อธิบายให้เข้าใจ โควิดระลอกใหม่ รัฐแจกอะไรบ้าง? 'คนละครึ่ง-เราชนะ-เรารักกัน-ยิ่งใช้ยิ่งได้'



วานนี้ (5 พ.ค.) ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบในหลักการ มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากคำสั่งเพื่อระงับยับยั้งและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อาทิ

-มาตรการคนละครึ่งเฟส 3 คนละ 3,000 บาท จำนวน 31 ล้านคน คิดเป็นวงเงินงบประมาณ 93,000 ล้านบาท ระยะเวลาเดือน ก.ค.-ธ.ค.64 นาน 6 เดือน โดยคนที่ได้สิทธิ์เดิม สามารถเข้าไปกดยืนยันได้ทันที

-โครงการเราชนะ จำนวนกลุ่มเป้าหมายประมาณ 32.9 ล้านคน เพิ่มอีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ กรอบวงเงิน 6.7 หมื่นล้านบาท โดยให้การใช้จ่ายสิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย.2567

-โครงการ ม.33 เรารักกัน จำนวนกลุ่มเป้าหมาย 9.27 ล้านคน โดยเพิ่มวงเงินช่วยเหลือผู้ประกันตน ม.33 อีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นเวลา 2 สัปดาห์ วงเงินรวม 18,500 ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายสิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย.2567

-ขยายวงเงินให้กับโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 ประชาชน 13.65 ล้านคน ให้เงินค่าครองชีพแก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมเดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน (กรกฎาคม-ธันวาคม) และเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษจำนวนเป้าหมาย 2.5 ล้านคน เพิ่มเติมเดือนละ 200 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน (ก.ค.-ธ.ค.)

-โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ โดยรัฐสนับสนุน E-Voucher ให้กับประชาชน ที่ใช้จ่ายซื้อสินค้า และค่าอาหารเครื่องดื่มและค่าบริการกับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวันสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน

โดยประชาชนใช้จ่ายจะได้รับการสนับสนุน E-Voucher จากภาครัฐในช่วง ก.ค. – ก.ย.2567 ไปใช้จ่ายในเดือน ส.ค. -ธ.ค.2567 ทั้งนี้คาดว่าประชาชนจะเข้าโครงการประมาณ 31 ล้านคน

ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ที่ยังมีเหลืออีก 2.4 แสนล้านบาท โดยกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะกลับไปทำรายละเอียด และให้ ครม. เห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง

อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ :
————————-
#เรื่องเล่าเช้านี้ (Morning News)
วันที่ 6 พฤษภาคม 2567
ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารก่อนใครได้ที่นี่
ch3plus :
facebook :
Twitter :
YouTube :

แบงก์ชาติแจ้งเลิกใช้บัตรแถบแม่เหล็ก ต้องเปลี่ยนเป็นชิปการ์ด 15 ม.ค.63 ใครไม่เปลี่ยนกดเงินไม่ได้



ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้เปลี่ยนบัตรเดบิต และบัตรเอทีเอ็มจากบัตรแถบแม่เหล็ก เป็นบัตรแบบชิปการ์ดไปแล้วประมาณ 47 ล้านใบ แต่ยังคงมีบัตรแถบแม่เหล็กคงเหลือที่ยังไม่ได้เปลี่ยนอีก 20 ล้านใบทั่วประเทศ

ดังนั้นให้ผู้ถือบัตรสามารถใช้งานบัตรได้อย่างต่อเนื่อง ธนาคารแห่งประเทศไทยขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ยังใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเอทีเอ็มแบบแถบแม่เหล็ก รีบติดต่อธนาคารที่ใช้บริการ เพื่อเปลี่ยนบัตรแถบแม่เหล็กเป็นบัตรชิปการ์ด โดยแสดงบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมบัตรเดบิตหรือบัตรเอทีเอ็มใบเดิม และสมุดบัญชีเงินฝาก โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนบัตร

เพราะหลังจากวันที่ 15 มกราคม ปี 63 บัตรแถบแม่เหล็กจะไม่สามารถใช้งานได้ที่เครื่องเอทีเอ็ม หรือเครื่องรูดบัตรที่ร้านค้า ทั้งนี้การปรับเปลี่ยนบัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็มจากรูปแบบบัตรแถบแม่เหล็ก เป็นบัตรชิปการ์ด เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งการป้องกันการปลอมแปลงบัตร หรือ การโจรกรรมข้อมูล (skimming) นำไปทำบัตรปลอม โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนบัตรได้ครบถ้วนภายในสิ้นปี 62 นี้

รายละเอียดเพิ่มเติม
————————-
เรื่องเล่าเช้านี้ (Morning News)18 กันยายน 2562
ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารได้ก่อนใครได้ที่นี่
เรื่องเล่าเช้านี้.com :
facebook :
Twitter :
Official LINE : @ruenglao

เตือนภัยกู้เงินผ่านแอปฯดอกเบี้ยโหด-ข่มขู่ลูกหนี้ | TNN ข่าวค่ำ | 31 มี.ค. 64



กระทรวงดีอีเอสเตรียมตรวจสอบการกู้เงินผ่านแอปพลิเคชันหลังผู้เสียหายจำนวนมากเข้าร้องเรียนพบพฤติการณ์อนุมัติกู้เงินง่ายแต่จะได้ไม่เต็มจำนวนเพราะจะมีการหักค่าธรรมเนียมร้อยละ 40 และหากส่งเงินต้นไม่ตรงตามกำหนดจะต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มวันละ 8 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังถูกล้วงข้อมูลส่วนตัวด้วย โดยแอปฯกู้เงินดังกล่าวมีหลายรูปแบบทำให้ผู้กู้สามารถกู้เงินได้หลายครั้ง บางคนกู้เงินมากถึง 15 แอปฯเงินต้น 10,000 บาทแต่ต้องจ่ายรวมดอกเบี้ยเกือบ 80,000 บาท

ช่องทางติดตามสถานีข่าว TNN ช่อง16

Line @TNNONLINE หรือคลิก

ทันโลก ทันเศรษฐกิจ ทันทุกความจริง กับ TNNช่อง16 สถานีข่าวที่ถือหลักการของการนำเสนอข่าวตรงประเด็น รวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำ และเป็นกลาง โดยทีมข่าวมืออาชีพ

3 ธนาคาร ออมสิน-ธอส.-ธ.ก.ส. ออกมาตรการเงินกู้ฉุกเฉิน ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม



จากสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ เช่น จังหวัดน่านและสุโขทัย ทำให้บ้านเรือนและพื้นที่ทำการเกษตรได้รับความเสียหาย เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและคลายความกังวลในเรื่องภาระหนี้สินให้กับเกษตรกรที่ประสบภัย จึงมีหลายธนาคารออกมาตรการช่วยเหลือ

โดยที่ธนาคารออมสิน เปิดให้กู้ฉุกเฉิน 50,000 บาท ดอกเบี้ยปีแรก 0% โดย 3 เดือนแรกไม่ต้องจ่าย ส่วนการซ่อมแซมบ้านและที่พักอาศัย ให้กู้ 500,000 บาท ดอกเบี้ยปีแรก 0%

ด้านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธ.ก.ส.จัดทำโครงการสินเชื่อฉุกเฉิน วงเงินกู้ รายละไม่เกิน 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0 ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือนแรก และสินเชื่อค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัย เครื่องมือเครื่องจักรกล ทางการเกษตรหรือฟื้นฟูการผลิตที่ได้รับความเสียหาย วงเงินกู้รายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR-2

นอกจากนี้ ยังได้เตรียมเงินสมทบสร้างบ้านหลังใหม่ รายละไม่เกิน 20,000 บาท ค่าซ่อมแซมทรัพย์สินของใช้ที่จำเป็น รายละไม่เกิน 2,000 บาท ค่าซ่อมแซมเครื่องจักรกลทางการเกษตร รายละไม่เกิน 2,000 บาท และค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดที่เกี่ยวเนื่องกับการฟื้นฟูหลังประสบภัย

ด้านธนาคารอาคารงสงเคราะห์ หรือ ธอส. ออกมาตรการลดดอกเบี้ยเหลือ 0% นาน 4 เดือน ประนอมหนี้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี ไม่ต้องชำระเงินงวด เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรให้ผ่อนชำระดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ที่อยู่อาศัยเสียหายทั้งหลังซ่อมแซมไม่ได้ ให้ปลอดหนี้ในส่วนของราคาอาคาร พิจารณาสินไหมเร่งด่วนให้กับลูกค้าที่เป็นผู้ประสบภัยเป็นกรณีพิเศษ 15,000 บาท

รายละเอียดเพิ่มเติม
————————-
#เรื่องเล่าเช้านี้ (Morning News) 27 สิงหาคม 2563
ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารได้ก่อนใครได้ที่นี่
เรื่องเล่าเช้านี้.com :
facebook :
Twitter :
Official LINE : @ruenglao
YouTube :

ชิมช้อปใช้เฟส 3 เปิดแล้ววันแรก! คนเต็มช้าหน่อย หลังไม่แจก 1 พัน แต่รับสิทธิเงินคืน-แถมชิงโชคทอง



การเปิดให้ลงทะเบียนชิมช้อปใช้ เฟส 3 แม้จะไม่มีการแจกเงิน 1 พันบาท เหมือนเฟส 1 และเฟส 2 แต่ยังได้รับความสนใจจากประชาชน เข้าลงทะเบียนรอบแรก 3.75 แสนคน เต็มภายในเวลา 2 ชั่วโมง 39 นาที

โดยรอบแรก เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2562 เวลา 06.00 น.มีผู้ใช้สิทธิลงทะเบียนเต็ม 375,000 คน ในเวลา 08.39 น. ผู้ที่พลาดโอกาส ลุ้นกันอีกครั้งในรอบเย็น เวลา 18.00 น. อีก 375,000 คน โดยในเฟส 3 นี้ จะเปิดให้ลงทะเบียน 2 วัน ๆ ละ 2 รอบ ๆ ละ 375,00 คน รวม 750,000 คนต่อวัน และรอบเก็บตกในวันที่ 16 พฤศจิกายน อีก 1 วัน

ส่วนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 17 พฤศจิกายน จำนวน 5 แสนคน เริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน ขณะที่ผู้ได้รับสิทธิในเฟส 1 และเฟส 2 เริ่มใช้จ่ายกระเป๋า 2 ทุกจังหวัด รวมทั้งจังหวัดตามทะเบียนบ้านด้วยตั้งแต่วันนี้ (14 พ.ย.) เป็นต้นไป สิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2563

ทั้งนี้ ในเฟส 3 นี้ จะเน้นการใช้เงินกระเป๋า 2 เพื่อรับเงินคืน (Cash Back) 15 % ของยอดใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาท ได้รับเงินคืน 4,500 บาท และได้รับเงินคืน 20% ของยอดใช้จ่าย 30,000 ถึง 50,000 บาท รวมรับเงินคืนสูงสุด 8,500 บาท และยังมีสิทธิลุ้นทองคำ ทุกการใช้จ่ายกระเป๋า 2 จำนวน 1,000 บาท จะได้รับสิทธิลุ้นรางวัล 1 สิทธิ และร้านค้าถุงเงิน 1 ใบสลิป ก็จะได้รับสิทธิลุ้นรางวัล 1 สิทธิ ซึ่งหลังกระทรวงมหาดไทยอนุมัติ ก็จะแจกทันที

รายละเอียดเพิ่มเติม

————————-
เรื่องเล่าเช้านี้ (Morning News) 8 พฤศจิกายน 2562
ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารได้ก่อนใครได้ที่นี่
เรื่องเล่าเช้านี้.com :
facebook :
Twitter :
Official LINE : @ruenglao